โรคผีดูดเลือด โรคเลือด






โรคผีดูดเลือด ( Porphyria )
 
Porphyria โรคโพรพีเรีย หรือโรคผีดูดเลือด เป็นโรคเลือดที่เกิดจากความผิดปกติของเลือด จากการที่ร่างกายขาดเอนไซม์
                                     
                มือที่ผิวหนังหลุดล่อน น่ากลัว ที่เกิดจากโรค ทำให้ ผู้ป่วยที่เป็นโรค porphyria มีสีผิวขาวกว่าปกติ


 ( Enzymes ) ที่ใช้สร้างร่างกาย ที่เรียกว่า "Heme" ซึ่งอาการของโรคจะแสดงออกมาสองลักษณะใหญ่คือทางจิต และทางผิวหนังร่างกาย ชื่อ Porphyria มาจากภาษากรีซ คำว่า porphyrus ซึ่งแปลว่า สีม่วง ( purple )

เหตุที่ ทำให้โรคโพรพีเรีย ถูกเรียกว่า โรคผีดูดเลือด

  • ผิวหนังจะเกิดอาการแพ้แสง จะเกิดเป็นแผลพุพองขึ้น ทำให้ผู้ป่วยกลัวแสง และออกจากบ้านเฉพาะเวลากลางคืน
  • อวัยวะส่วนยื่นเป็นระยางยื่น เช่นจมูก นิ้วมือนิ้วเท้า จะเกิดเป็นแผลเรื้อรัง จนหลุดขาดออกจากร่างกาย
  • ริมฝีปากจะเกิดอาการดึงรั้ง จนมองเห็นฟันชัดเจน
  • การรักษาทำได้การถ่ายเลือด ให้เลือด ในสมัยโบราณอาดใช้การให้ดื่มเลือด
  • กระเทียมมีการเคมีบางตัวที่ใช้รักษาโรคโพรพีเรีย แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าผู้ป่วยบางคนกลัวกระเทียม
  จากโรคแปรเปลี่ยนเป็นตำนาน Vampire
 ตำนานของชาวคาร์เพเทียนมิได้บอกว่าผีดิบขึ้นมาจากโลง ที่ถูกฝังลึกลงไปได้อย่างไรเพราะผีดิบไม่ใช่วิญญาณแต่เป็นศพที่ไร้ลมหายใจจะแทรกโลงแทรกพื้นดินขึ้นมาไม่ได้ แต่ตำนานกลับซ่อนปมเด่นของ ท่านเคานต์ไว้ว่า "สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาว เป็นหมาป่า เป็นกลุ่มควันและมีอำนาจสะกดจิตในดวงตากล้า แข็งมากจนเมื่อได้สบตาเหยื่อแล้วเหยื่อจะไม่อาจขัดขื นให้ท่านเคานต์ดูดเลือดจากคอได้เลย"  ผีดูดเลือดมาจากไหนนี่เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบมาก่อน  จนถึงศตวรรษที่19 ได้มีการค้นพบค้างคาวชนิดหนึ่งในป่า ร้อนชื้นของทวีปอเมริกา เจ้าค้างคาวประเภทนี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการใช้เขี้ยว เจาะเส้นเลือดของสัตว์ต่าง ๆ  แล้ว ดูดเลือดกินมันจะเข้าจู่โจมสัตว์เลี้ยงเช่น  แกะ วัว หรือแม้แต่สุนัขแล้วดูดเดือดออกไปจนแห้งและตายด้วย เลือดหมดตัวหรือโลหิตจาง ผุ้ค้นพบขนานนามมันว่า "แวมไพร" และหน้าตาของเจ้าแวมไพร์ก็แสนจะน่าเกลียดและน่ากลัว เจ้าค้างคาวแวมไพร์นี่และที่กลายมาเป็นเคานต์แดร็กคิวลาในที่สุด

  ใครคือท่านเคานต์ 
          เคานต์แดรกคูลา - เจ้าชายวลาด ทีปีส แห่งแคว้น วัลลาเซีย - แวมไพร์ผู้เป็นอมตะ อาศัยอยู่ในปราสาทที่ทรานซิลเวเนีย เป็นชายชราแต่ร่างกายแข็งแรง มีผมและหนวดเคราสีขาวโพลน ตาสีแดงมีแววโหดเหี้ยม ฟันเล็กแหลมคม ชอบสวมชุดยาวสีดำล้วน พูดภาษาอังกฤษชัดเจนแต่สำเนียงแปล่ง จะปรากฏตัวเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น พยายามจะขยายอิทธิพลจากทรานซิลเวเนียไปทั่วยุโรป โดยเริ่มจากลอนดอน
        
 สรุปแล้วท่านเคานต์ ก็คือชายผู้ที่ป่วยด้วยโรค Porphyria นี่เอง
  การติดต่อ
          การกัด การขีดข่วน การให้เลือด เพศสัมพันธ์
          ในช่วงศตวรรษที่ 15-16 กาฬโรค ( Plague ) ได้ระบาดในอิตาลี ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากประชาชนยังมีความเชื่อเรื่องภูตผี ปีศาจ จึงเชื่อว่าเหตุของโรคร้ายเกิดจากผีดูดเลือด ( Vampire ) จึงการค้นพบนี้จึงเป็นหลักฐานยืนยันในความเชื่อนี้ในยุคกลาง สิ่งที่พบคือโครงกระดูกบางส่วน และกระโหลกศีรษะของผู้หญิงคนหนึ่ง ทีถูกก้อนอิฐขนาดใหญ่ยัดไว้ในปาก ซึ่งมันเป็นวิธีการของหมอผีที่ใช้กับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีดูดเลือด เพราะเชื่อว่าวิธีการดังกล่าวจะสามารถหยุกยั้งการแพร่กระจายของโรคร้ายได้ โครงกระดูกนี้ และโครงกระดูกอื่นถูกค้นพบที่ หลุมศพผู้ติดเชื้อกาฬโรค บนเกาะ Lazzaretto Nuovo ประเทศอิตาลี ซึ่ง Borrini นักโบราณคดีที่ขุดค้นกล่าวว่า 
 " พวกเราโชคดีมากที่ค้นพบหลุมฝังศพ และโครงกระดูก ในยุคกลางแห่งนี้เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าการในการรักษาศพในยุคนั้นไม่ค่อยดีทำให้ไม่ค่อยเหลือหลักฐานอะไรจากยุคนั้นมากนัก "


โครงกระดูกผีดูดเลือด (Vampires)


  โรค Nemo mutation (ผู้ป่วยที่มีเขี้ยวเหมือน vampire)

         ผู้ป่วยที่เป็นโรค Nemo mutation (ชื่อเล่นของโรคโพรพีเรียอีกทีหนึ่ง) จะมีเขี้ยวแหลมเหมือนแวมไพร์ บางรายอาจจะมีฟันทั่วไปด้วย ในบางรายอาจไม่มีฟันเลย มีแต่เขี้ยว 4 ซีก

โรคประหลาด Vampire Disease  (โรคแวมไพร์)
ผู้ป่วยโรค Nemo mutation
          แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักอายุไม่ยาว ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตช่วงอายุประมาณ 10 ขวบขึ้นไป จึงทำให้พบได้ยากมาซึ่งถ้าหากผู้ป่วยโรคแวมไพร์ มีอาการแทรกซ้อนของโรค Nemo แล้วล่ะก็ ไม่แปลกใจเลย หากผู้คนในยุโรปสมัยโบราณจะคิดว่า คนเหล่านี้เป็นปีศาจ

อ้างอิงจาก
คุณ Kate http://srikate.blogspot.com/
http://thenark.com/bizarre/porphyria-a-disease-of-vampires/http://srikate.blogspot.com/2010/11/porphyria.htmlhttp://www.associatedcontent.com/image/44274/index.html?cat=5


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น